วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ใบงานที่ 12 การติดตั้งระบบ

การติดตั้งระบบ
                เมื่อผ่านการขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา  การวิเคราะห์และการอกแบบระบบ   ซึ่งเป็นขั้นตอนใหญ่ที่มีความสำคัญมากในการที่ระบบจะได้รับการพัฒนาเป็นระบบใหม่หรือไม่ สำหรับขั้นตอนหลังจากผ่านการวิเคราะห์และออกแบบระบบมาแล้ว  คือ  การติดตั้งระบบที่ได้มีการศึกษาวิเคราะห์และออกแบบเรียบร้อยแล้ว  ซึ่งได้แก่การวางแผน  การติดตั้งระบบใหม่ที่ได้ทำการพัฒนามาแล้ว  ซึ่งจำได้ศึกษากันในบทนี้
การวางแผนการติดตั้งระบบ 
ก่อนที่นักวิเคราะห์ระบบจะนำเอาระบบงานใหม่ไปติดตั้งให้กับผู้ใช้งานนั้น  นักวิเคราะห์ระบบจะต้องจัดทำผู้แผนงานการติดตั้งระบบแผนงานก่อน  (Installation Plan) โดยแผนงานการติดตั้งระบบควรจะต้องครอบคลุมเนื้อสำคัญ คือ  
1.ซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง  จะต้องทำการวางแผนให้ครอบคลุมถึงการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่จะติดตั้งทั้งหมดที่ต้องใช้  ไม่ใช่เฉพาะการติดตั้งโปรแกรมของระบบงานใหม่เท่านั้น  แต่รวมถึงการติดตั้งฐานข้อมูลและแฟ้มข้อมูลที่จำเป็นและซอฟต์แวร์อื่น ๆ  ที่ต้องการใช้ร่วมกันด้วย 
การติดตั้งซอฟต์แวร์จึงมีระดับตั้งแต่ง่ายไปจนถึงระดับซับซ้อน   เช่น  ระบบสำหรับผู้ใช้คนเดียว (Sigel User)   แบบง่ายไปจนถึงระบบที่ซับซ้อน ซึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขทั้งทางระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้เชื่อมกับระบบใหม่ ไปจนถึงการติดตั้งระบบให้ใช้ได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างออกไปซึงมีความแตกต่างกันของคุณสมบัติของเครื่อง ทำให้การวางแผนการติดตั้งระบบงานต้องมรการพิจารณารอย่างรอบคอบ และทำรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป  
ในส่วนของการติดตั้งซอฟต์แวร์  ซึ่งจะต้องสนใจว่าซอฟต์แวร์อะไรที่จะจะติดตั้งให้กับผู้ใช้และจะทำอย่างไร  จึงจะทำให้การติดตั้งสำเร็จลงได้  นักวิเคราะห์ระบบจึงต้องคำนึงว่า  อะไรบ้างที่จะต้องนำไปทำการติดตั้ง  และแผนงาการตั้งระบบนี้จะต้องทำให้เป็นลายลักษณ์อักษรด้วย  และกระจายหน้าที่ความรับผิดชอบให้กับทีมงาน  และร่วมกันประชุมกันก่อนอีกครั้งก่อนที่จะนำเอาแผนงานที่ได้วางเอาไว้ทำการติดตั้งปฏิบัติจริง
2.วิธีการติดตั้ง  เพื่อให้การติดตั้งระบบเป็นไปอย่างสมบูรณ์  วิธีการติดตั้งระบบงานในที่นี่หมายถึง  การเปลี่ยนระบบงานที่ใช้อยู่เดิมให้เป็นระบบงานใหม่  วิธีการติดตั้งที่นิยมใช้อยู่มีอยู่ด้วยกัน  5  วิธี  คือ
    1. การติดตั้งแบบทันทีโดยตรง ( direct  Changeover)
    2. การติดตั้งแบบขนาน  (Parallel Conversation)
    3. การติดตั้งแบบทยอยเข้า  (Phased  or  Gradual  conversation)
    4. การติดตั้งแบบโมดูลาร์โปรโตไทป์  (Modular  Prototype)
    5. การติดตั้งแบบกระจาย  (Distributed  conversation)
3.ผลกระทบที่ที่มีต่อองค์กร   สิ่งสุดท้ายที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่นักวิเคราะห์ระบบจะต้องคำนึงถึง  คือ  ผลกระทบของระบบงานใหม่ที่ทีต่อธุรกิจหรือองค์กร  เพราะการติดตั้งระบบงานให้เข้าไปในองค์กรย่อมก้อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทำงาน  หน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานและผู้ใช้ระบบไม่มากก็น้อย  จึงต้องมีการชี้แจงให้ทราบถึงบทบาทที่เปลี่ยนไปและผลกระทบต่าง ๆ รวมทั้งความรู้สึกสับสนในช่วงแรกของการใช้ระบบงานใหม่นั้นให้เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา  ฉะนั้นในทุกขั้นต้อนของการวิเคราะห์และออกแบบระบบจึงมักดึงเอาผู้ใช้ระบบเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมอยู่ตลอดเลา  และในการติดตั้งระบบ  ผู้ใช้ยังคงมีส่วนร่วมซึ่งมีความสำคัญต่อการที่ระบบงานใหม่จะเป็นที่ยอมรับของผู้ใช้ ผู้ใช้ระบบจะช่วยนักวิเคราะห์ระบบได้ในเรื่องที่เกี่ยวกับการสร้างแฟ้มข้อมูล  การบันทึกข้อมูลย้อนหลัง  และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล  เป็นต้น  การให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมนี้จะทำให้เขารู้สึกว่าเป็นเจ้าของระบบงานใหม่นี้ด้วย  
การคิดต้นทุนในการติดตั้งระบบ 
การคิดต้นทุนของระบบจะกระทำในช่วงของการศึกษาระบบ  ซึ่งเมื่อนักวิเคราะห์ระบบได้ทำการออกแบบระบบจะต้องคิดโครงสร้างในผลประโยชน์ที่จะได้รับของระบบนั้น ๆ  ที่พึงจะมีในระยะเวลาการวิเคราะห์ระบบ   จะต้องทำการกำหนดต้นทุนของทั้งระบบ  โปรดสังเกตว่าต้นทุนจะจำกัดขอบเขตและชนิดของระบบที่จะถูกต้องติดตั้งและใช้งาน
                ข้อดีในการวิเคราะห์ต้นทุนระบบ
  1. การวางแผนการวิเคราะห์ต้นทุน   เป็นผลลัพธ์ที่มีรากฐานอยู่บนการวิเคราะห์ต้นทุนของโอกาสในการใช้ทรัพยากรไปในจุดประสงค์หนึ่ง ๆ มากกว่าอีกจุดประสงค์หนึ่ง
2.    การวางแผนการวิเคราะห์ต้นทุน   เป็นสิ่งที่มีรากฐานอยู่บน  Cash  Flow   ที่เกี่ยวกับจำนวนเงินที่จะต้องใช้สำหรับ  Project   หนึ่ง ๆ และต้องใช้จำนวนเงินนั้น ๆ  ต่อจากนั้นก็สามารถที่จะวางงบประมาณและจัดเตรียมจำนวนเงินไว้เพื่อใช้จ่ายเมื่อถึงกำหนดเวลา
ระยะเวลาคืนทุน 
มาตรฐานโดยทั่วไปที่ใช้กันบ่อย ๆ ให้พิจารณาความสามรถในการทำกำไรของระบบหรือจะเรียกว่า  Payback  Period  ตัวอย่างเช่น   ระบบที่ทำการวิเคราะห์และออกแบบใหม่นี้มีมูลค่าต้นทุน  900,000  บาท   และองค์การจะมีรายได้เข้ามาประมาณปีละ   300,000  บาท  เวลายืนทุนจะเท่ากับ  3 ปี  (900,000 / 300,00 =   3 )
การเปรียบเทียบระบบเดิมกับระบบใหม่ 
ผลลัพธ์ของการเปรียบเทียบ  ต้นทุนของระบบเดิมกับระบบใหม่นั้นอาจเป็นผลลัพธ์อันเดียวที่สำคัญที่สุดในการเปรียบเทียบต้นทุน  การเปรียบเทียบขั้นพื้นฐานหนึ่งต่อหนึ่งของค่าใช้จ่ายในขณะนี้กับในอนาคตจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ 
ขั้นตอนการเปรียบเทียบต้นทุนค่าใช้จ่ายในทางเศรษฐกิจของระบบเดิมและระบบใหม่คือ
  1. ประเมินค่าระบบใหม่  ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่เป็นพื้นฐานโดยทั่วไปของการเปรียบเทียบกันระหว่างระบบเดิมและระบบใหม่
  2. คำนวณหาค่าใช้จ่ายในการทำงานของระบบเดิม
  3. คำนวณหาค่าใช้จ่ายในการทำงานของระบบใหม่  ในกรณีนี้การเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายที่เที่ยงตรง   สามารถจะเกิดได้ในระหว่างระบบเดิมและระบบใหม่
  4. เปรียบเทียบต้นทุนการปฏิบัติการของระบบเดิมและระบบใหม่   คำนวณค่าใช้จ่ายที่วางไว้ในการลงทุน รวมทั้งค่าติดตั้งระบบในแต่ละครั้งด้วย
ทรัพยากรและต้นทุน 
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณของทั้งระบบเดิมและระบบใหม่นั้น  สามารถที่ประเมินจากเอกสารต่าง ๆ รายงานหรือสรุปผลต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดไว้ในช่วงเวลาของการศึกษาระบบ  โดยทั่วไปจะถูกแบ่งออกเป็น  3  ประเภทคือ
  1. ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบ
  2. ค่าใช้จ่ายในการลงทุน
  3. ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการ
การทดสอบระบบ                
มีจุดประสงค์โดยเป็นการทดสอบครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนนำไปใช้งานจริง   ประกอบด้วยการทดสอบดังต่อไปนี้
  1. ทดสอบว่าโปรแกรมสามารถทำงานจริงได้ตามข้อกำหนดและตามที่ได้ออกแบบไว้หรือไม่
  2. ทดสอบเจ้าหน้าที่ว่าพร้อมสำหรับระบบงานนั้นหรือไม่
  3. ทดสอบผู้ใช้งานระบบ  (User)  ว่าได้มีการเตรียมพร้อมเกี่ยวกับการใช้งานระบบหรือไม่
               
วิธีการติดตั้งระบบ 
วิธีการติดตั้งระบบงานในที่นี้  หมายถึง   การเปลี่ยนระบบงานที่ใช้อยู่เดิมให้เป็นระบบงานใหม่  เพื่อให้การติดตั้งระบบเป็นไปอย่างสมบูรณ์  มีการวิธีการติดตั้งที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน  5 วิธีการ  และการนำไปใช้นั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสถานการณ์และระบบการทำงานดังนี้คือ 
1.   การติดตั้งแบบทันทีหรือโดยตรง  (Direct   Changeover)
หมายถึง  การนำระบบใหม่เข้ามาในองค์กรทันทีตามที่ได้กำหนดเอาไว้ว่า   จะมีการเริ่มใช้งานระบบใหม่เมื่อใด   เมื่อนั้นระบบเดิมจะถูกยกเลิกทันที   การรติดตั้งแบบนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อระบบงานได้รับการทดสอบมาเป็นอย่างดีก่อนที่จะถูกนำมาติดตั้ง  แต่การติดตั้งระบบด้วยวิธีการนี้มีอัตราความเสี่ยงสูงมากเมื่อเทียบกับวิธีการอื่น  เพราะหากระบบใหม่ได้รับการทดสอบมาเป็นอย่างดีแล้ว  หากเกิดความผิดพลาดในการทำงาน  จะทำให้การทำงานอื่น ๆ ในองค์กรหยุดชะงัดองค์กรเกิดความเสียหายได้จึงไม่เป็นที่ยมใช้หากสามารที่จะหลีกเลี่ยงได้ 
2.   การติดตั้งแบบขนาน   (Parallel   Conversation)
หมายถึง   การที่ระบบงานเก่ายังคงปฏิบัติงานอยู่  แต่ระบบใหม่ก็เริ่มต้นทำงานพร้อม ๆ กัน  วิธีการนี้เป็นที่นิยมกันมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะทำให้อัตราความเสี่ยงของการหยุดชะงัดของงานลดน้อยลง  วิธีการนี้เหมาะสมที่สุดเมื่อระบบงานเด่าเป็นระบบงานที่ใช้คนทำ  และระบบงานใหม่จะเป็นระบบที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์   โดยจะใช้ระบบงานทั้ง 2  ทำงานควบคู่กันไปในระยะเวลาหนึ่งเพื่อทำการเปรียบเทียบว่า  ผลลัพธ์ที่ได้จากระบบงานทั้งสองระบบคล้องจองกัน  เมื่อผลลัพธ์ได้รับการตรวจสอบแล้วว่าถูกต้องในช่วงเวลาหนึ่ง  ระบบงานเก่าจึงจะถูกยกเลิกออกไปเหลือเพียงระบบงานใหม่ในองค์กรเท่านั้นที่ยังปฏิบัติงานอยู่   แต่ข้อเสียของระบบนี้คือ  การที่จะต้องใช้ระบบ 2 ระบบทำงานไปพร้อม ๆ กัน  ทำให้ค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการทำงานสูง   ภาระในการทำงานจะตกอยู่ที่ผู้ปฏิบัติงาน
 3.   การติดตั้งแบบทยอยเข้า  (Phased Or  Gradual  Conversion)
การติดตั้งแบบนี้เป็นการรวมเอาข้อดีของ  2 วิธีการแรกมาใช้  โดยเป็นค่อย ๆ นำเอาบางส่วนของระบบใหม่ซึ่งอาจจะเป็นระบบงานย่อยเข้าไปแทนบางส่วนของระบบงานเดิม วิธีการนี้จะทำให้อัตราเสี่ยงของการเกิดข้อผิดพลาดลดน้อยลงกว่าการติดตั้งแบบทันที  โดยกระทบจากข้อผิดพลาดจะอยู่ในวงจำกัดที่สามารถควบคุมได้  แต่ข้อเสียจะมีตรงเวลาที่ใช้ในการทยอยเอาส่วนต่าง ๆ ของระบบใหม่มาแทนระบบเดิมซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลานาน  วิธีการนี้เหมาะกับระบบงานใหญ่ ๆ แต่ไม่เหมาะกับระบบงานเล็ก ๆ ที่ไม่ซับซ้อน 
 4.   การติดตั้งแบบโมลดูลาร์โปรโตไทป์  (Modular Prototype)
เป็นการแบ่งระบบงานออกเป็นส่วนย่อย ๆ   (Module)  และอาศัยการติดตั้งด้วยวิธีทยอยนำระบบใหม่เข้าไปทีละส่วนย่อย ๆ   แล้วผู้ใช้ระบบทำการใช้ส่วนย่อย ๆ จนกว่าจะเป็นที่ยอมรับของผู้ใช้ระบบ จึงค่อยนำมาใช้ปฏิบัติงานจริง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาความไม่คุ้นเคยระหว่างผู้ใช้กับระบบไปได้มาก ข้อเสียของระบบนี้คือ ส่วนย่อย ๆ (Module)   ที่ให้ผู้ใช้ทดสอบอาจจะไม่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ตามที่คาดไว้ และการติดตั้งแบบนี้อาจต้องใช้เวลานานและต้องการความเอาใจใส่อย่างมากจากนักวิเคราะห์ระบบและผู้ใช้ระบบด้วย
5.   การติดตั้งแบบกระจาย  (Distributed  Conversion)
เป็นการติดตั้งระบบให้กับธุรกิจที่มีสามาขามากกว่า 1 แห่ง   เช่น  ธนาคาร  บ.ประกันภัย   ห้างสรรพสินค้า  ฯลฯ  การติดตั้งจะเริ่มทำการติดตั้งทีละสาขา  โดยจะทำการติดตั้งและทดสอบเป็นอย่างดีแล้วในสาขาแรก  จึงค่อย ๆ ทยอยนำไปติดตั้งในสาขาอื่น ๆ ต่อไป  ข้อดีของวิธีการนี้คือ  ระบบงานสามารถจะได้รับการทดสอบการปฏิบัติงานจริงจนกว่าจะเป็นที่พอใจ  หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นก็ไม่กระทบกระเทือนถึงสาขาอื่น ๆ เนื่องจากระบบงานใหม่จะทำงานเฉพาะสาขาที่ทำการติดตั้งเท่านั้น   ไม่ได้โยงไปยังสาขาอื่น ๆ วิธีการติดตั้งสำหรับสาขาหนึ่งอาจจะให้ไม่ได้กับอีกสาขาหนึ่งจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลง
การตรวจสอบแผนงานการติดตั้งระบบงาน 
เมื่อแผนงานติดตั้งระบบงานถูกกำหนดขึ้นเรียบร้อยแล้ว   นักวิเคราะห์ระบบควรจะตรวจสอบแผนงานการติดตั้งระบบงานอีกครั้ง  โดยสิ่งที่นักวิเคราะห์ระบบจ้ะองคำนึงถึงในการตรวจสอบแผนงานการติดตั้งระบบงานมีอยู่ด้วยกัน  5  ประการคือ 
1.ผลการฝึกอบรมผู้ใช้ระบบ  สามารถนำมาช่วยเหลือนักวิเคราะห์ระบบในตอนนี้ได้นั่นคือ  นักวิเคราะห์ระบบควรจะพิจารราว่าอาจมีผู้ใช้ระบบงานบางคนที่มีความสามารถอย่างยอดเยี่ยมและเข้าใจในระบบงานได้ดี  จะสามารถช่วยเหลือนักวิเคราะห์ระบบได้ในการติดตั้ง 
2.บันทึกการทดสอบระบบงาน   นักวิเคราะห์ระบบควรตรวจสอบบันทึกการทดสอบระบบงานอีกครั้ง  เพื่อให้แน่ใจว่าระบบงานได้รับการทดสอบและแก้ไขทั้งหมดแล้ว 
3.ตรวจสอบรายชื่อซอฟต์แวร์ที่จำเป็นแต่ละระบบ  เพื่อให้แน่ใจว่าการติดตั้งระบบงานได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ครบถ้วนแล้ว  นักวิเคราะห์ระบบจะต้องตรวจรายการซอฟต์แวร์ที่จะต้องใช้ควบคู่ไปกับระบบว่า   จะต้องมีแผนงานติดตั้งอย่างครบถ้วนและมีรายละเอียดการติดตั้งอย่างเพียงพอ 
4.ตรวจสอบแผนงานการจัดตั้งแฟ้มและการบันทึกข้อมูล  ในแผนงานติดตั้งระบบจะต้องมีรายละเอียดการจัดตั้งแฟ้มข้อมูลและฐานข้อมูลอย่างพร้อมมูล  ในกรณีที่จะต้องมีการบันทึกข้อมูลเข้าไปในแฟ้มหรือฐานข้อมูลในแผนงาน  จะต้องระบุชื่อผู้รับผิดชอบในการบันทึกไว้ให้ชัดเจนด้วย 
5.คู่มือการติดตั้ง   ในการติดตั้งระบบงาน  โดยเฉพาะระบบงานที่ต้องใช้ซอฟต์แวร์จากภายนอกจะต้องมีคู่มือการติดตั้งให้พร้อมเพื่อใช้ในวันติดตั้งระบบ  คู่มือการติดตั้งระบบจะต้องระบุถึงสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการติดตั้ง  นอกจากนี้หากการติดตั้งไม่ได้ทำโดยนักวิเคราะห์ระบบเองแล้ว  การติดตั้งซอฟต์แวร์หนึ่ง ๆ จะต้องมีการกำหนดผู้ที่จะนำไปติดตั้งให้ชัดเจน
แผนงานการติดตั้งระบบจะถูกจัดทำขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร  ซึ่งจะประกอบด้วยงานต่าง ๆ ที่ต้องทำ   วันที่จัดทำการติดตั้งและผู้รับผิดชอบ  โดยแผนงานการติดตั้งระบบจะต้องนำเสนอให้ผู้บริหารก่อนเพื่อรอการอนุมัติ
การติดตั้งระบบ 
ในขั้นตอนของการติดตั้งระบบนี้ประกอบด้วยงานต่าง ๆ ที่จะต้องทำอย่างเป็นลำดับคือ
  1. การเขียนโปรแกรมของระบบใหม่
  2. ทดสอบโปรแกรม
  3. การติดตั้งระบบใหม่
สำหรับกระบวนการติดตั้งระบบนี้   จะเริ่มลงมือหลังจากผู้บริหารได้ตกลงยอมรับระบบใหม่เรียบร้อยแล้ว  ขั้นตอนนี้ประกอบด้วย   การติดตั้งระบบใหม่และยกเลิกการทำงานของระบบเก่าในระยะการติดตั้งระบบนี้จะเป็นส่วนที่ยากที่สุดในทุก ๆ งาน  ดังนั้นจึงควรเผื่อเวลาสำหรับทำงานในกรณีที่ล่าช้ากว่ากำหนดเอาไว้บ้าง 
ในระหว่างการติดตั้งระบบ  ปัญหาที่ไม่คาดคิดจากช่วงของการออกแบบระบบมักจะเกิดขึ้นการแก้ไขปัญหาเหล่านี้จึงมีผลทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ได้ออกแบบไว้  ดังนั้นนักวิเคราะห์ระบบที่ดีควรยอมรับการแก้ไขเหล่านั้น  ในขณะเดียวกันก็ต้องพิจารณาความเหมาะสมไม่ปรับเปลี่ยนเกินความจำเป็น 
การติดตั้งระบบประกอบด้วย  3  อย่างด้วยกัน  เริ่มจาการเขียนโปรแกรมในขั้นตอนสามารถร่นระยะเวลาให้สั้นลงได้  ถ้าสามารถซื้อโปรแกรมสำเร็จรูปมาใช้แทนการการเขียนเองทั้งหมด  ขั้นต่อไปคือ การทดสอบโปรแกรมซึ่งประกอบด้วย การทดสอบการทำงานแต่ละโปรแกรม  การทดสอบระบบรวมและการทำเอกสารประกอบ  ขั้นตอนสุดท้ายคือ   การติดตั้งระบบ
การเขียนโปรแกรมระบบใหม่ 
ก่อนที่จะเริ่มการเขียนโปรแกรม  ควรได้รับการเห็นชอบหรือตกลงกันในระบบที่ได้ออกแบบไว้เสียก่อน  รวมทั้งจะพิจารราซื้อโปรแกรมมาใช้ทำงานในบางขั้นตอนของระบบแทนการเขียนทั้งหมด  ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมโดยคร่าว ๆ มีดังนี้ 
1.  การทำเอกสารต่าง ๆ ก่อนลงมือเขียนโปรแกรม  ได้แก่  Data Flow Diagram Minispecification เป็นต้น   เพื่อให้เข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ   ของระบบรวมทั้งพิจารณาความถี่ในการทำงานแต่ละขั้นตอนและภาษาที่เหมาะสม
2.  สรุปรูปแบบของข้อมูล  (Output)  และข้อมูลเข้า (Input)   ข้อมูลอกได้แก่ รายงานรูปแบบต่าง ที่ผู้ใช้หรือผู้บริหารต้องการ ส่วนข้อมูลเข้า ได้แก่ หน้าจอ (Screen) สำหรับใส่ข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ในการออกแบบรายงานต่าง ๆ เหล่านั้น รวมแหล่งที่มาของข้อมูลและการเปลี่ยนรูปแบบของข้อมูล เพื่อให้คอมพิวเตอร์เข้าใจได้
3.  เขียนโปรแกรม  Flow Chart เพื่อแสดงการทำงานทุกขั้นตอนของโปรแกรม
4.  ออกแบบแฟ้มข้อมูล  (File Layout) ตามความเหมาะสมในการใช้งาน ลักษณะแฟ้มข้อมูลต่างๆ ได้แก่  แฟ้มข้อมูลแบบเรียงลำดับ  (Sequential)   ซึ่งเหมาะสมในการเก็บข้อมูลจำนวนมาก ๆ และไม่ต้องการดึงข้อมูลมาใช้เฉพาะบางระเบียน (Record)  อย่างรวดเร็ว  ต่อไปคือ  แฟ้มข้อมูลดัชนี  (index  Sequential  file)  มีลักษณะเหมือนแฟ้มข้อมูลแบบเรียงลำดับแต่จะมีดัชนี  (Index)  เพื่อใช้ในกรณีต้องการดึงข้อมูลขึ้นมาใช้เฉพาะบางระเบียนได้  และแฟ้มข้อมูลเข้าถึงโดยตรง  (Random – Access  File) เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการดึงข้อมูลอย่างรวดเร็ว
5.  เขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ที่เลือกใช้ 
6.  ทำการ  Compile และตรวจสอบความถูกต้องในการทำงานของโปรแกรม โดยอาจจะสมมติข้อมูลง่าย ๆ ไว้ใช้เป็นตัวอย่างในการทดสอบ
7.  ทดสอบการทำงานรวมของระบบ   โดยใช้ข้อมูลครอบคลุมทุก ๆ เงื่อนไข เริ่มจากโปรแกรมแรกจนถึงโปรแกรมสุดท้าย การทดสอบรวมทุกเงื่อนไขนี้เพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละโปรแกรมทำงานต่อเนื่องกันได้อย่างถูกต้อง
8. ทำเอกสารประกอบทุกโปรแกรม ได้แก่ เอกสารที่ใช้ประกอบในการเขียนโปรแกรมและเอกสารวิธีใช้โปรแกรม
การทดสอบโปรแกรม 
เป็นการทดสอบโปรแกรมว่ามาสารถทำงานได้อย่างถูกต้องหรือไม่นั้น จำเป็นจะต้องรู้เงื่อนไขต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมด โดยการสอบถามจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบงานนั้น ๆขั้นตอนต่าง ๆ สำหรับการทดสอบโปรแกรมคือ 
1.   ทดสอบการทำงานของแต่ละโปรแกรม ในขั้นตอนนี้มักจะต้องเสร็จสิ้นในขั้นการเขียนโปรแกรม 
2.   สร้างข้อมูลสำหรับทดสอบโปแกรม ข้อมูลเหล่านี้จำเป็นจะต้องควบคุมทุก ๆ กรณีที่อาจเกิดขึ้นในการทำงานจริง โดยการสร้างชุดข้อมูลนี้โปรแกรมเมอร์ นักวิเคราะห์ระบบ ผู้ใช้และผู้ที่รับผิดชอบงานนั้นจำเป็นจะต้องร่วมกันคิดชุดข้อมูลขึ้นเพื่อทดสอบการทำงานที่ถูกต้องตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม ทดสอบรูปแบบต่าง ๆ ในการใส่ข้อมูล ทดสอบค่ามากที่สุดและน้อยที่สุดที่ป้อนเข้าไป 
3.   ทดสอบการทำงานของชุดโปรแกรม ในขั้นตอนการทำงานหนึ่ง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าการทำงานเชื่อมต่อกันของแต่ละโปแกรมนั้น สามารถทำได้อย่างถูกต้อง 
4.   ทดสอบการทำงานของชุดโปรแกรม ในขั้นตอนการทดสอบท่านหนึ่ง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าการทำงานเชื่อมกันได้อย่างถูกต้อง นอกจากนั้นก็เพื่อทดสอบเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ที่ใช้ระบบว่ามีความเข้าใจในขั้นตอนการทำงานและป้อนข้อมูล สุดท้ายก็เพื่อทดสอบว่าแต่ละโปรแกรมที่ทำงานเชื่อมต่อกันนั้นมีความถูกต้องตามคุณสมบัติที่นักวิเคราะห์ระบบเขียนเอาไว้หรือไม่ 
5.    ทดสอบการสำรองแฟ้มข้อมูลและการเริ่มทำงานของระบบใหม่ การทดสอบเหล่านี้มีความจำเป็นในกรณีที่ระบบที่เกิดความผิดพลาดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซึ่งการสำรองแฟ้มข้อมูลตามระยะเวลาที่เหมาะสมก็จะช่วยให้การนำข้อมูลที่เสียไปนั้นกลับขึ้นมาอย่างง่ายดาย รวมทั้งการเริ่มทำงานใหม่ก็ต้องถูกต้องด้วย 
6.    เขียนเอกสารประกอบโปรแกรม ซึ่งประกอบด้วย
6.1 หมายเหตุที่เขียนขึ้นภายในโปรแกรม เพื่อบอกหน้าที่ของแต่ละชุดคำสั่งแฟ้มข้อมูลที่ใช
้6.2 Flowchart แบบต่าง ๆ หรือ Data Flow Diagram เพื่ออธิบายขั้นตอนของแต่ละโปรแกรม
6.3 ในกรณีที่มีหลาย ๆโปรแกรมประกอบกัน ควรจะมี Flowchart แสดงการทำงานรวมด้วย
6.4 ในโปรแกรมใดที่มีขั้นตอนการทำงานซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นวิธีการคำนวณ ขั้นตอนการปรับปรุงแฟ้มข้อมูล หรืออื่น ๆ ควรจะใช้ Minispecification เพื่ออธิบายรายละเอียดให้ชัดเจน
6.5 ควรมีรายละเอียดเกี่ยวกับแฟ้มข้อมูล ข้อมูลเข้า และข้อมูลออก
การติดตั้งระบบใหม่ 
เป็นขั้นการเปลี่ยนจากการทำงานแบบเดิมมาเป็นการทำงานในระบบใหม่ งานขั้นนี้ไม่ค่อยซับซ้อนแต่จะใช้เวลานาน โดนทำงานดังต่อไปนี้
  1. เขียนคู่มืออธิบายการใช้ระบบงาน
  2. จัดทำแบบฟอร์มต่าง ๆ สำหรับใช้กับระบบงานใหม่
  3. จัดฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงาน และผู้ใช้จนมีความเข้าใจ
  4. เปลี่ยนข้อมูลที่เดิมมีอยู่แล้วให้เป็นข้อมูลระบบใหม่
การเขียนคู่มือการใช้ระบบงาน (Program Documentation ) จะมีรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อสะดวกต่อการใช้งานของผู้ใช้ (Users)  โดยทั่วไปนั้นเอกสารที่ทำมีอยู่สองประเภทด้วยกันคือ คู่มือผู้ใช้ (User Manual) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้โปรแกรม และคู่มือนักเขียนโปรแกรม (Programmer Manual) จะมีประโยชน์ต่อการปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติมโปรแกรมในอนาคตเอกสารโปรแกรมที่ดีควรประกอบด้วย ข้อปัญหาหรือวัตถุประสงค์ของโปรแกรม รายละเอียดข้อมูลเข้า (Input) และผลลัพธ์ (Output) ผัง (Flowchart) โปรแกรม (Source Program) ที่คอมพิวเตอร์พิมพ์ออกมา และผลลัพธ์ที่ได้จาการทดสอบโปรแกรม 
การเปลี่ยนระบบจากระเดิมมาเป็นระบบใหม่ควรจะต้องทำงานควบคู่กันไปสักระยะหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าระบบงานใหม่ทำงานได้ถูกต้องดีแล้ว จึงจะเลิกการทำงานแบบเดิมหันมาใช้ระบบใหม่อย่างเดียว 
จากขั้นตอนการพัฒนาระบบงานคอมพิวเตอร์ข้างต้น แม้ผู้ใช้จะดำเนินการใช้ระบบงานใหม่แล้วก็ตาม แต่หน้าที่ของพนักงานคอมพิวเตอร์ยังไม่หมดไป เพราะอาจมีการเลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น รัฐมีการออกกฎการเก็บภาษีแบบใหม่ อันต้องทำให้มีการแก้ไขปรับปรุงระบบงานตามด้วย ซึ่งการดูและแก้ไขระบบงานคอมพิวเตอร์ในภายหลังนี้ เราเรียกว่า การบำรุงรักษาระบบ (Maintenance)

คำศัพท์  บทที่ 1
การติดตั้งระบบ
Installation Plan
แผนงานการติดตั้งระบบงาน
Direct Changeover
การติดตั้งแบบทันทีหรือโดยตรง
Parallel Conversation
การติดตั้งแบบขนาน
Phased or Gradual Conversion
การติดตั้งแบบทยอยเข้า
Modular Prototype
การติดตั้งแบบโมดูลาร์โปรโตไทป์
Distributed Conversion
การติดตั้งแบบกระจาย
Index Sequential File
แฟ้มข้อมูลดัชนี
Random-Access File
แฟ้มข้อมูลแบบเข้าถึงโดยตรง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น